หมากเล็กหมายน้อยทรงป่ารากเดียว

หมากเล็กหมายน้อยทรงป่ารากเดียว


เกิดจากกิ่งชำกิ่งเดียว


อายุประมาณ 12 ปี


สร้างรูปทรงและกิ่งหลักในดินก่อน


จากนั้นจึงขุดขึ้นมาตัดแต่งกิ่งและลำต้นบางต้นที่ไม่ต้องการออก


แล้วสร้างกิ่งย่อยและรายละเอียดต่าง ๆ


ตามความนึกคิดและใจอยากให้เป็น


นำมาโพสให้เพื่อน ๆ ได้ชมและแสดงความคิดเห็น


อยากขอให้ทุกท่านช่วยวิพากวิจารณ์ด้วยว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับการสร้างไม้ลักษณะนี้


และมีความชื่นชมต่อไม้ทรงนี้หรือไม่


ถ่ายภาพตอนกลางคืน


ภาพอดีต ขณะกำลังสร้างกิ่ง


สร้างกิ่ง(2)


สร้างกิ่ง(3)

เกิดจากกิ่งชำกิ่งเดียว คำคำนี้คงไม่ใช่มีผู้สงสัยเพียง 2-3 คนเท่านั้น คิดว่าคนที่เข้ามาอ่านก็คงจะต้องสงสัยมากมายทีเดียว แม้กระทั่งตัวผมถ้าเป็นผู้อ่านก็คงต้องไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำได้เช่นไรเป็นเรื่องจริงครับ ผมทำโดยไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นทรงป่า ก็เลยไม่ได้มีการบันทึกภาพเอาไว้ เมื่อผมชำกิ่งในกระถางเล็กจนเกิดรากและกิ่งแข็งแรงดีแล้ว ก็นำไปปลูกลงดิน ด้วยความที่อยากจะได้ต้นเยอะ ๆ หลาย ๆ ต้น แต่ขี้เกียจชำบ่อย ๆ หรือชำหลาย ๆ กิ่ง เมื่อปลูกลงไปในดินแล้ว กิ่งที่ยาวขึ้นมาประมาณ 60-80 ซม. ลำต้นหรือกิ่งประมาณเท่านิ้วก้อย ผมก็จัดการเอนต้นหรือกิ่งลงแนบกับพื้นแล้วหาก้อนหินทับไว้ ไม่ช้าไม่นานตามข้อตาหรือใบก็จะเกิดรากและกิ่งขึ้นทุกข้อ เมื่อกิ่งที่เกิดใหม่ยาวขึ้นมาอีกก็จะทำเช่นเดิมอีก ก็จะเกิดเป็นรากและกิ่งเพิ่มขึ้นอีก จากกิ่งชำ 1 ต้น ก็จะกลายเป็น 5-6 ต้น และ 20-30 ต้น ในเวลาประมาณไม่ถึง 1 ปี เมื่อเกิดเป็นกอใหญ่แล้ว ตอนแรกผมคิดจะขุดแยกตัดเป็นต้น ๆ เพื่อจะไปสร้างเป็นต้นเดี่ยวแต่เพราะไม่มีเวลาและขี้เกียจทำ ผมจึงได้แต่ไปคอยตัดแต่งกับพื้นดิน การตัดแต่งก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่กิ่งไหนยาวขึ้นมาก็ตัดให้สั้น เมื่อกิ่งที่โดนตัดให้สั้นก็จะแตกอีกเป็นหลายกิ่ง ก็จะตัดไปเรื่อย ๆ จนเมื่อได้ฤกษ์ก็ขุดขึ้นมา ปรากฏว่าเป็นกอใหญ่หลายสิบลำแต่ต้นเชื่อมกันหมดเป็นต้นเดียว เพราะกอใหญ่เกินไปจึงตัดแบ่งเป็น 3 กอ แบ่งให้เพื่อนไป 2 กอ ไม่ทราบว่ายังอยู่ดีหรือขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ส่วนกอที่เหลือกอนี้ก็ได้นำมาตัดแต่งกิ่งและลำต้นที่ไม่เหมาะออกไปเยอะเหมือนกัน จากนั้นก็สร้างกิ่งใหม่ในกระถางอีกระยะหนึ่ง จนได้รูปทรงที่นำมาให้ทุกคนได้ชมกัน หวังว่าทุกท่านคงอ่านแล้วเข้าใจและนำไปเป็นแบบอย่างการสร้างไม้ป่ากอเดียว หรือท่านอื่นที่เคยสร้างด้วยวิธีอื่นก็ช่วยนำเสนอให้เพื่อน ๆ ชาวบอนไซได้ชมกันเป็นวิทยาทานบ้าง